hengsesophorn

 เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 26 ม.ค. พ.ต.ท.อธิภัทร ดาทวี รอง ผกก.(ป.)สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา พร้อม ร.ต.อ.สุพรรณโรจน์ อิ่มวิเศษ รอง สวป. ร.ต.ท.อนุศิษฏิ์ เคล้ากระโทก รอง สวป.สภ.พิมาย และ จ.ส.อ.พิชิตชัย คะนองมาตย์ ชุดประสานงานประจำพื้นที่ อ.พิมาย ร้อย.รส.ร.23 รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีพระสงฆ์ไม่ยอมจำวัดอยู่ที่วัด เมื่อถึงช่วงเย็น ขับรถเก๋งส่วนตัว โตโยต้า โคโรล่า สีบรอนด์ ทะเบียน กค-7808 กาฬสินธุ์ กลับมาอยู่ที่บ้าน บริเวณชุมชนวังบูรพา ม.2 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา มานอนอยู่กับภรรยาที่บ้านแทบทุกวัน


 พอถึงช่วงเวลา 05.00 น. ก็จะขับรถเก๋งออกจากบ้านกลับไปอยู่ที่วัด ชาวบ้านทนเห็นพฤติกรรมไม่ไหว จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้เข้าไปในบ้าน พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ด้านหลังบ้านใช้ผ้าใบปิดอย่างมิดชิด เปิดประตูเข้าไป พบพระสงฆ์ 1 รูป นอนอยู่บนเตียง ทราบชื่อ พระดำ ประจวบสุข อายุ 68 ปี หรือพระดำ อนาลโย



สอบถาม พระดำ อนาลโย เล่าว่า บวชมาแล้ว 10 กว่าปี เป็นพระลูกวัด ก่อนหน้านี้ได้ไปจำพรรษาอยู่หลายวัด และย้ายไปเรื่อยๆ ล่าสุดมาอยู่เป็นพระลูกวัด ที่วัดบ้านตูมหวาน ต.ตลาดไทร อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ซึ่งก่อนที่จะบวชได้มีภรรยาและลูกอยู่แล้ว พระดำบอกต่อว่าไม่อยากนอนอยู่ที่วัด อยากมานอนอยู่ที่บ้านกับภรรยา เนื่องจากเป็นห่วงลูก แต่ช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปพบเห็นพระนอนอยู่คนเดียว
ส่วนภรรยายังไม่เข้ามานอนด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าไปเสียก่อน จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนเห็นว่ามันไม่เหมาะสม และผิดวินัยสงฆ์ บวชแล้วต้องไปนอนอยู่ที่วัด จึงให้ไปนอนอยู่ที่วัดในเขตเทศบาลตำบลพิมาย ที่อยู่ใกล้บ้าน ถ้ายังพบมาอยู่ที่บ้านอีกก็จะนำตัวไปพบเจ้าคณะอำเภอ เพื่อดำเนินการให้สึกต่อไป

Cr :https://www.siamnews.com/view-13235.html

ใครที่มีอาการชาตามปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า หรือแม้กระทั่งแขน ขา มือ และใบหน้า แพทย์อาจสันนิษฐานว่าเป็นโรคอันตรายที่เกี่ยวกับปลายประสาทอักเสบ อาการเหล่านี้จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคที่หนักขึ้นอย่าง โรคอัมพฤกต์ อัมพาต หรือไม่ เราจะมีวิธีป้องกันอย่างไร มาดูกันค่ะ

ปลายประสาทอักเสบ คืออะไร ?

เมื่อสมองเปรียบเสมือนศูนย์ควบคุมการส่งกระแสไฟฟ้า สมองจะควบคุมการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังอวัยวะต่างๆ ผ่านทางสายไฟ หรือในที่นี้คือเส้นประสาท และมีสายไฟฟ้าแรงสูง หรือเส้นประสาทใหญ่อยู่ที่ไขกระดูกสันหลัง ที่พร้อมกระจายไฟฟ้าไปยังเส้นประสาทอื่นๆ ต่ออีกทอดหนึ่ง

หากแต่เมื่อเส้นประสาทเริ่มมีปัญหาในจุดใดจุดหนึ่ง ทำให้อวัยวะส่วนนั้นทำงานผิดปกติ จึงอาจเป็นที่มาของปลายประสาทอักเสบ ที่ทำให้เกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า เส้นประสาทไม่สามารถรับรู้ได้ถึงอาการเจ็บปวด แสบร้อน สั่นสะเทือน หรือไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้นได้

เส้นประสาท มีความสำคัญอย่างไร ?

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า เส้นประสาทเปรียบเสมือนสายไฟฟ้าที่ลำเลียงพลังงานไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้นหากเส้นประสาททำงานผิดปกติ ก็จะส่งให้อวัยวะนั้นๆ ทำงานผิดปกติไปด้วย

เส้นประสาทมี 2 ประเภทใหญ่ๆ ทั้งเส้นประสาทในสมอง ที่ควบคุมจากสมองโดยตรง ไม่ผ่านไขกระดูกสันหลัง ควบคุมการทำงานของประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น การมองเห็น การได้กลิ่น การลิ้มรส การทรงตัว การกลืนอาหาร การขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า การออกเสียง และควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่ คอ และลิ้น

เส้นประสาทอีก 1 ชนิด คือ เส้นประสาททั่วไปที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย เป็นเส้นประสาทที่ต่อมาอีกทีจากไขกระดูกสันหลัง โดยสามารถแบ่งย่อยเป็นส่วนๆ ทั้งรากประสาทที่ต่อมาจากเส้นประสาทที่ไขสันหลังโดยตรง กลุ่มของรากประสาท และเส้นประสาทส่วนปลาย ที่ดูแลกล้ามเนื้อของอวัยวะต่างๆ

ปลายประสาทอักเสบ มีสาเหตุมาจากอะไร ?

– มีอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท การนอนกดทับเส้นประสาท หรือการกดทับจากเส้นประสาทโดยเนื้องอก

– ผลข้างเคียงจากอาการติดเชื้อจากโรคต่างๆ เช่น วัณโรค

– เกิดภาวะขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง

– มีโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ไตวาย

– มีความผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด

ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคปลายประสาทอักเสบ

– พันธุกรรมจากครอบครัว ที่อาจเคยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของเส้นประสารท

– มีประวัติการติดเชื้อจากโรคใดโรคหนึ่ง

– ระดับน้ำตาลในเลือดสูง อาจเสี่ยงโรคเส้นประสาทที่เกิดจากโรคเบาหวาน

– ทำงานโดยใช้ข้อมือมากๆ จนอาจเสี่ยงเป็นโรคเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ

– เป็นผู้ป่วยโรคไต ที่ต้องให้การรักษาโดยการฟอกเลือด ฟอกไต

ชาปลายมือปลายเท้า อันตราย เสี่ยงอัมพาต ?

เพราะอาการชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้า เกี่ยวข้องกับการทำงานของเส้นประสาทผิดปกติ ดังนั้นหากมีความผิดปกติจนถึงขั้นเป็นโรคเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ ก็อาจเป็นโรคอัมพาตชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โรคอัมพาตเบลล์ ซึ่งเป็นโรคเส้นประสาทสมองที่พบบ่อยที่สุดได้เช่นกัน

ชาปลายมือปลายเท้ามากแค่ไหน ถึงควรไปพบแพทย์ ?

หากมีอาการชาที่บริเวณปลายมือปลายเท้าเล็กน้อยมากกว่า 2-3 วัน และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูก่อน อาจจะออกกำลังกาย เปลี่ยนอิริยายถบ่อยๆ ระหว่างวัน หรือเปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนหมอน หากยังไม่ดีขึ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ควบรีบพบแพทย์ก่อนมีอาการมากขึ้น

จะเห็นได้ว่าอาการชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้า จะเริ่มพบมากขึ้นในกลุ่มของวัยทำงาน หรือแม้กระทั่งคนที่ทำงานใช้ข้อมือหนักๆ อย่างแม่บ้าน แม่ครัว เนื่องมาจากการใช้ชีวิตที่ทำงานหนัก ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่มีเวลาเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างวัน และการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือไม่ถูกต้อง ดังนั้นหากรู้สึกมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยอย่างทันท่วงทีก่อนสายเกินแก้ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก: Sanook

Cr :http://sara-1000.com/8

ทำบุญใส่บาตรเป็นประเพณีที่เราทำกันมาแต่โบราณแล้ว แต่เชื่อว่าหลายๆคนยังไม่รู้ว่ามีสิ่งของบางอย่างที่ไม่ควรนำใส่บาตร เพราะตามหลักพระธรรมวินัยจริงๆ


 แล้วค่อนข้างละเอียดอ่อนและมีข้อห้ามอยู่มาก ลองมาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

1) ข้าวสาร อาหารแห้ง เนื้อสด ไม่ควรใส่บาตร เนื่องด้วยพระวินัย พระสงฆ์ไม่สามารถ Cooking เองได้ และของที่ญาติโยมนำมาใส่บาตร พระท่านไม่สามารถเก็บไว้ขามวัน ถ้าจะถวายจึงควรเป็นของที่ฉันได้ทันที และพระฉันของดิบไม่ได้ด้วยค่ะ แซลมอนซาซิมิ ไข่ต้มยางมะตูม ไข่ออนเซนพระก็ฉันไม่ได้นะคะ ถ้าอยากถวายควรถวายให้กับวัดเพื่อเก็บเข้าโรงทาน

2) เงิน ใส่บาตรไม่ได้ เด็ดขาด!! ผิดพระธรรมวินัย พระรับเงินนั้นอาบัติทุกกรณีค่ะ สำหรับชาวพุทธที่อยากถวายปัจจัยให้นำไปถวายกับวัดโดยตรง หรือหยอดตู้ดีกว่า (ข้อนี้เห็นญาติโยมชอบใส่กันจัง)

3) เนื้อต้องห้าม 10 ชนิด บ้านเราไม่นิยมบริโภคกันอยู่แล้ว อย่านึกอุตรินำไปใส่บาตรหรือถวายพระนะคะ 1. เนื้อมนุษย์ 2. เนื้อช้าง 3. เนื้อม้า 4. เนื้อสุนัข 5. เนื้องู 6. เนื้อราชสีห์ 7. เนื้อเสือโคร่ง 8. เสือเหลือง 9. เสือดาว 10.เนื้อหมี

4) ผลธัญพืชที่มีเมล็ด สำหรับผลธัญพืชที่มีเมล็ด เราไม่ควรถวายผลธัญพืชที่มีเมล็ด เพราะถือว่าเมล็ดนั้นยังสามารถที่จะให้กำเนิดชีวิตได้อยู่ ถ้าจะถวายต้องเอาเมล็ดออกก่อน หรือหั่นเป็นชิ้นพร้อมทาน

5) ของหวาน ของมัน ดีต่อใจ ทำลายสุขภาพ ข้อนี้ไม่ได้ผิดธรรมวินัยอย่างใด แต่เนื่องจากพระสงฆ์ไม่ได้ทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานเยอะ จึงไม่ควรที่ถวายแกงกะทิมันๆ เนื้อสัตว์ติดมัน น้ำหวาน ของทอด อันเป็นที่มาของโรคภัยต่างๆ ทั้งเบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือด ฯลฯ (ไม่รู้เป็นวัฒนธรรมหรืออย่างไร ที่ญาติโยมมักชอบถวายแกงกะทิกัน)

รู้อย่างนี้แล้วจะได้ปฏิบัติกันได้อย่างถูกต้อง จะได้รับบุญกันเต็มๆนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก: Naarn

Cr :http://sara-1000.com/7

 ใครมีปัญหารักแร้คล้ำ รักแร้ย่นเป็นหนังไก่ ซึ่งเกิดจากการถอนและอาการแพ้โรลออน ทำให้ใส่เสื้อแขนกุดหรือสายเดี่ยวไม่สวย ก็เตรียมโบกมือลาสิ่งเหล่านี้ไปได้เลย เพราะถึงแม้ว่าคุณจะมีรักแร้ที่ไม่สวยงามขนาดไหน เราก็มีวิธีที่จะทำให้รักแร้กลับมาขาวเนียนได้เหมือนเดิม และช่วยลดปัญหาหนังไก่ได้ด้วย


  ผู้หญิงมากกว่า 80% มีปัญหาใต้วงแขน ทั้งวงแขนคล้ำ ขนคุดและตุ่มหนังไก่ บางคนทั้งชีวิตไม่เคยกล้าใส่แขนกุดออกนอกบ้าน ได้แต่ใส่อยู่บ้านในวันหยุด ไม่กล้ายกมือโหนรถเมล์ ปัญหาเหล่านี้หนักหนาไม่น้อยกว่าผิวหน้าเลย ทำให้ยอดขายครีมรักแร้ขาวของเราติด 1 ใน 10 ทุกเดือน ตลอดการขายในช่วง5ปี

โดยครั้งนี้จะใช้ของใช้ในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 นี่แหละ วัตถุดิบที่ใช้รวมๆกันแล้วใช้เงินไม่ถึง 80 บาทด้วยซ้ำ

ส่วนผสม

1. CA-R-BON ยาผงถ่าน

2. Nami Lemon Honey Whitening Serum

 วิธีทำ

1. ผสมยาผงถ่านและเซรั่ม คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน

2. นำไปทาที่รักแร้ที่ต้องการบำรุงผิว

3. ทิ้งไว้ประมาณ 20นาที

4. ล้างออกด้วยน้ำสะอาด



วิธีนี้ลองทำติดต่อดูประมาณ 2 อาทิตย์ โดยมาสก์รักแร้อาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง คุณจะเห็นได้ว่ารักแร้ของเราเนียนขึ้น ใสขึ้น และหนังไก่ลดลง

ผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นทันทีเลยว่า….

1. รักแร้ดูสว่างมากขึ้น เพราะผงถ่ายจะช่วยดูดสิ่งสกปรกและช่วยทำความสะอาดผิวได้ดี

2. รักแร้ดูกระจ่างใสมากขึ้นและกระชับรูขุมขน เพราะครีมนามิที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งและมะนาว จะช่วยเรื่องความขาวกระจ่างใส และช่วยปรับให้ผิวเนียนขึ้น รวมถึงการช่วยกระชับรูขุมขนด้วย


   แค่ลองทำแบบนี้ติดต่อกันดูประมาณ 2 อาทิตย์ รักแร้ของคุณก็จะเนียนใสขึ้น ลดปัญหาหนังไก่ลง และพร้อมที่จะโชว์วงแขนได้แล้ว จะเสื้อแขนกุด ไม่มีแขนก็ส่งมาได้เลย

เชื่อว่าน่าจะถูกใจคุณผู้หญิงที่ชอบโชว์วงแขน หรือชอบใส่เสื้อแขนกุดแน่ๆ เพราะเมื่อดูแลวงแขนด้วยวิธีนี้ไปแล้วจะช่วยให้คุณมีผิวใต้รักแร้ที่ดูดีขึ้น ยกยกมือ ยกแขน หรือทำอะไรก็เต็มที่สุดๆไปเลย

เพิ่มเติมความรู้

สาเหตุของรักแร้ดำคล้ำ แบ่งเป็น 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายใน

1. ดำจากกรรมพันธุ์ : ผิวใต้รักแร้คล้ำแต่กำเนิด

2. โรคบางอย่าง : โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังอาจจะติดเชื้อหรืออักเสบจากสาเหตุอื่นๆ , ภาวะ Acanthosis Nigricans ในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่อ้วนมากๆ มีอินซูลินสูง ทำให้มีสีดำคล้ำผิวหนาเป็นรอยย่นเหมือนกำมะหยี่

ปัจจัยภายนอก

ได้แก่สิ่งกระตุ้นทั้งหลาย ที่เกิดจากการกระทำของเราเอง

1. แพ้หรือระคายเคืองโรลออน ทำให้ผิวหนังอักเสบและตอบสนองโดยการผลิตเม็ดสีมากขึ้น

2. การกำจัดขนผิดวิธี บ่อยและรุนแรงเกินไป : การถอนขนรักแร้ บางคนถอนแล้วไม่เป็นไรแต่บางคนถอนแล้วรูขุมขนอุดตัน เกิดการอักเสบ บวมแดง มีสีคล้ำภายหลังและทำให้รักแร้ไม่เรียบเนียน ขนคุด ตุ่มหนังไก่ เป็นสิวและฝีที่รักแร้

3. ความอ้วน ทำให้ผิวเบียด เสียดสีและคล้ำ สังเกตในคนอ้วนๆ ขาหนีบและรักแร้จะดำ พวกรอยพับต่างๆก็ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก: Thaijobsgov

Cr :http://sara-1000.com/6

 ประโยชน์ของมะนาว นับว่ามีหลายอย่างจริงๆ นอกจากประกอบอาหารแล้ว สาวๆ มีกนำมะนาวมาเป็นเครื่องประทินผิวกัน ทั้งผสมมาร์คไว้มาร์คหน้าช่วยเรื่องผิวกระจ่ายใส ผลัดเซลล์ผิว ลดความมันบนใบหน้า


 คุณวันชัย นนทวรรณธนะ ชาวบางกรวย จังหวัดนนทบุรี แต่ไปปลูกมะนาวอยู่ที่บ้านทุ่งมะเซอย่อ ตำบลบ้องตี้ จังหวัดกาญจนบุรี เล่าเคล็ดที่ไม่ลับให้ฟังว่า สมัยเป็นเด็ก เขามักถูกเพื่อนล้อว่า รักแร้ดำ จนวันหนึ่งญาติๆ กันแนะนำให้ใช้มะนาวผ่าแล้วทา เขาทดลองทำดู ครั้งแรกแสบมาก

ต่อมาชิน จึงทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลที่ตามมานั้นรักแร้ขาว ขนแทบไม่ขึ้นเลย กลิ่นก็บางเบาแทบไม่มี ด้วยเหตุนี้ตนจึงใช้มะนาวตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้ อายุ 50 ปีเศษแล้ว

“ผมใช้มะนาว โดยไม่ใช้อย่างอื่น เพื่อนคนที่ล้อผม ตอนนี้มีลูกมีผัว ปล่อยตัว ใส่เสื้อคอกระเช้า เวลายกแขน รักแร้ดำปื้อเลย ช่วงมีมะนาวมาก ใช้ทุกวัน แต่มะนาวมีน้อยอาจจะเว้นหน่อย เพราะแม่บ้านบ่น แต่ผมก็ปลูกมะนาวไว้หลายไร่” คุณวันชัยบอก

ขอบคุณข้อมูลจาก: Rak-sukapap

Cr :http://sara-1000.com/5

 เชื่อว่าทุกคนที่เกิดมา ไม่มีใครอยากเงินเดือนน้อยไปตลอด แต่ถึงจะมีเงินมากขึ้น บางทีก็ยังไม่พอที่จะเก็บให้ครบล้าน หรือเอาเงินไปเที่ยว ไปใช้จ่าย ตามที่ตัวเองฝันไว้

แต่วันนี้ เราจะมาชี้ช่องรวยกันด้วยวิธีการเก็บเงินหรือการลงทุน ที่จะสามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นคนที่มีเงินล้านได้ ซึ่งความเร็วช้าก็คงต้องขึ้นอยู่กับเงินตั้งต้นและความอดทนอดกลั้นของคุณ เพียงแต่วันนี้จะมาคำนวณให้ดูว่า คนที่เงินเดือนน้อย ก็สามารถมีเงินเก็บเป็นล้านได้ ถ้าคุณพยายามมากพอ ตามมาดูกันเลย….

บทความนี้ขอถ่ายทอดต่อจากคุณ “น้องเป๋าตุง สมาชิกแก๊งค์นักสืบดอกจัน” สมาชิกเว็บไซต์พันทิป ที่เอาแนวความคิดของ “คุณวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ” หรือ “พี่ก้อย” กรรมการสมาคมนักวางแผนการเงินไทย มาบอกต่ออีกทอดหนึ่ง ว่าจะต้องทำยังไงดีกับชีวิตของมนุษย์เงินเดือนที่แทบไม่มีเงินเก็บเลย

ผลสำรวจของ Knodel และ Chayovan บอกว่า 1ใน 5 ของกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ตอบแบบสอบถาม หรือประมาณ 21.2% “ไม่มีเงินเพียงพอ” หลังเกษียณ!!!…

แต่ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้ามีวิธีการจัดการเงิน ดังต่อไปนี้
ขั้นที่ 1 แบ่งสัดส่วนการออมเงินให้เป็นระบบ

ด้วยการสรรเงินออกเป็น 5 ก้อน แบบนี้ (ดูจากตาราง)
 – สำหรับออมต่อเดือน

– ค่าเช่าที่พัก/น้ำ-ไฟฟ้า

– ค่าอาหาร

– ค่าเดินทาง

– เสื้อผ้า/โทรศัพท์/อื่นๆ


ขั้นที่ 2 เลือกหาแนวทางการลงทุนในตลาด ว่าช่องทางไหนบ้างที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดีตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ทำไมต้องความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ก็เพราะแต่ละคนรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากันนั้นเอง

ถ้าเป็นคนไม่ชอบเสี่ยง การลงทุนก็อาจจะเป็นตราสารหนี้ในสัดส่วนมากหน่อย

ถ้าเป็นคนชอบเสี่ยง การลงทุนก็อาจจะเป็นหุ้นในสัดส่วนมากหน่อย โดยควรเลือกหุ้นที่เน้นการเติบโตดี (High Growth) ควบคู่หุ้นปันผลสูง (High Dividend) ซึ่งรูปแบบสามารถจัดการได้ตามสไตล์ที่หัวใจปรารถนา

การทำตาม 2 ขั้นตอนนี้ต้องทำอย่างอย่างต่อเนื่อง ห้ามหยุด! ไม่ใช่ว่าพอเริ่มขาดทุนจากการลงทุนก็เลิกทำ เพราะการลงทุนระยะยาวจะช่วยให้คุณกำไรอย่างแน่นอน

โอกาสที่จะทำให้คุณรวยได้นั้นต้องทำต่อเนื่องหลายสิบปี แล้วชีวิตหลังเกษียณของคุณจะสบายขึ้น มีโอกาสแตะเงินล้านได้อย่างแน่นอน

ส่วนของผลตอบแทนหลังจากออมครบ40ปี (3ช่องสุดท้าย…ไล่จากบนลงล่าง)

-ช่องที่ 1. กรณีหาผลตอบแทนได้ 3%

-ช่องที่ 2. กรณีหาผลตอบแทนได้ 5%

-ช่องที่ 3. กรณีหาผลตอบแทนได้ 10%

ถ้าเหล่ามนุษย์เงินเดือนตั้งใจออมเงิน และมีวินัยในการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ คุณก็ย่อมสามารถมีเงินเก็บไว้ใช้เป็นล้านๆได้ยามเกษียณ

ทีนี้จะโสดหรือไม่โสดก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีใครเลี้ยงดู เพราะคุณเองก็สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ และได้แบบดีเสียด้วย จริงมั๊ยละค่ะ?

ขอบคุณข้อมูลจาก: Thaijobsgov

Cr :http://sara-1000.com/4